วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

อย่าหลงเชื่อน้ำมันรำข้าว รักษาสารพัดโรค

อย.เตือนผู้บริโภค อย่าตกเป็นเหยื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว” อ้าง สรรพคุณ รักษาโรคมะเร็ง หัวใจ รูมาตอยด์ ภูมิแพ้ อัมพฤกษ์ เบาหวาน ความดัน เป็นต้น อาจทำให้เสียโอกาส ในการรักษาที่ถูกต้อง ย้ำ! ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ใช่ยารักษาโรค หากจะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคู่ไปกับการ รักษา ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และอย่าเชื่อโฆษณาเกินจริงที่หวังผลทาง การค้ามากเกินไป
          สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับการโฆษณาน้ำมันรำข้าว โดยได้รับการร้องเรียนจากสมาคมขายตรงเกี่ยวกับการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว โดยระบุสรรพคุณ รักษาโรคมะเร็ง หัวใจ รูมา ตอยด์ ภูมิแพ้ อัมพฤกษ์ เบาหวาน ความดัน เป็นต้น มีการอ้างผลการทดสอบจากผู้รับประทาน และ ประสบการณ์จากผู้ป่วยที่ต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่มีข้อเท็จจริงทางวิชาการยืนยันถึงความ น่าเชื่อถือ และเอกสารที่ปรากฏน่าจะเป็นการตัดต่อข้อมูลของกลุ่มสมาชิกผู้จำหน่ายสินค้า ซึ่ง อย. ได้แจ้งเตือน ไปยังผู้ทำการโฆษณาให้ระงับการโฆษณาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม อย.มีความ ห่วงใยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะที่จริงแล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานเสริม นอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติเท่านั้น จึงขอให้ผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริม อาหารเพราะมุ่งหวังรักษาโรคโดยเด็ดขาด อาจทำให้เสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวานอาจ ต้องตัดเท้า ผู้ป่วยมะเร็งมีอาการทรุดหนัก เป็นต้น

หากจะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควบคู่ไปกับการรักษา ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และไม่ควรหลงเชื่อโฆษณาที่หวังผลทางการค้ามากเกินไปทั้งนี้ โฆษณาส่วนใหญ่ เป็นการจำหน่ายในลักษณะขายตรง ซึ่งบางรายบางเครือข่ายอาจหาประโยชน์ที่ผิดกฎหมายในลักษณะแชร์ลูกโซ่ จึงขอให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมจริยธรรม

ที่มา ... สำนักงานอาหารและยา

อย.เตือน! นำเข้าผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็ก มีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

อย.เตือน! นำเข้าผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็ก มีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

อย.เผย ผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็ก มีผลเพียงนำมาถูนวดร่างกาย เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินเท่านั้น เตือนผู้ประกอบการที่จะนำเข้ามาจำหน่าย ต้องตรวจสอบรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ก่อนนำเข้า หากมีการแสดงสรรพคุณทางการแพทย์ จะจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องแจ้งรายการละเอียด และอาจเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ซึ่งห้ามนำเข้า ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษหนักทั้งจำและปรับ พร้อมแนะผู้บริโภคพิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อนเลือกซื้อมาใช้

นพ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ใน ช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ มีผู้ประกอบการจำนวนมากสนใจที่จะนำผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็ก (Mini Massager) เข้ามาจำหน่ายเป็นของฝาก หรือของแถมร่วมกับสินค้าอื่นๆ โดยมีลักษณะเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กมีรูปร่างหลากหลาย เช่น รูปตุ๊กตาสัตว์ หรือมีลักษณะด้านบนกลม มีขาต่อ 3 ขา ทำงานโดยการสั่นสะเทือนจากมอเตอร์ ใช้กระแสไฟฟ้าตรงจากถ่านไฟฉายขนาด AA 2 ก้อน สำหรับนำมาใช้ถูนวดร่างกายเพื่อความเพลิดเพลิน โดยไม่มีสรรพคุณทางการแพทย์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยพิจารณาว่าแม้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะทำให้เกิดการสั่น แต่ไม่มีข้อบ่งชี้ว่า แรงสั่นเพียงพอสำหรับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อทางการแพทย์ หรือบรรเทาอาการปวดตามที่ต้องการได้ จึงไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ขณะเดียวกัน ในทางการแพทย์มีการใช้เครื่อง หรืออุปกรณ์ที่ให้ผลในการบำบัดด้วยพลังงานกล เช่น เครื่องสั่น (Vibrator) เครื่องนวด (Massager) ซึ่งจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าต้องแจ้งรายการละเอียด ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 19) เรื่อง เครื่องใช้หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อกายภาพบำบัด ดังนั้น หากผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็กแสดงสรรพคุณ ในการบำบัดรักษาโรค หรือใช้ให้เกิดผลทางการแพทย์ต่อร่างกายของมนุษย์ จะจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องแจ้งรายการละเอียด แต่เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือสนับสนุนสรรพคุณทางการ แพทย์ จึงอาจเข้าข่ายเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ซึ่งห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย หากฝ่าฝืนจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ขายจะมีความผิดข้อหาขายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ด้วย เช่นกัน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ผู้บริโภคควรใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพราะอาจไม่มีสรรพคุณตามที่แสดงไว้ และหากพบผลิตภัณฑ์สำหรับนวดขนาดเล็กมีการโฆษณาสรรพคุณในทางการแพทย์ โปรดแจ้งร้องเรียนที่ สายด่วน อย.1556 เพื่อ อย.จะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป

อย. เตือน

“ซันคลาร่า” สรรพคุณเกินจริง

อย. เตือนผู้บริโภค อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ซันคลาร่า” ทางแผ่นพับ วิทยุ เว็บไซต์ รวมทั้งในรูปแบบขายตรง อวดสรรพคุณ อ้างทำให้ผิวสวย หน้าใส ลดน้ำหนัก ป้องกันโรคเบาหวาน พาร์กินสัน และอัลไซเมอร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. ย้ำ! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ยารักษาโรค ไม่ได้ช่วยลด น้ำหนัก ไม่ได้ช่วยเสริมเรื่องทางเพศ ขอให้ผู้บริโภคพิจารณาถี่ถ้วนก่อนซื้อ มิเช่นนั้นจะเสียเงินทองจำนวนมาก โดยไม่ได้รับประโยชน์จากการบริโภค แถมอาจเกิดการเสี่ยงต่อร่างกาย หากมีสารอันตรายเป็นส่วนผสม

นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า หลังจาก อย. ได้รับเรื่อง ร้องเรียนจากผู้บริโภคให้ตรวจสอบโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ซันคลาร่า” ที่โฆษณาอวดสรรพคุณเกินจริงทาง วิทยุชุมชน แผ่นพับ และเว็บไซต์ http://www.starsunshine.com เกรงว่าจะมีการหลอกลวงประชาชน เพราะมี ข้อความโฆษณาสรรพคุณป้องกันโรคต่างๆ ซึ่ง อย. ได้ตรวจสอบทันที พบว่า มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “ซันคลาร่า” ทางแผ่นพับ วิทยุ และเว็บไซต์ดังกล่าวจริง โดยระบุข้อความโฆษณา เช่น “...ผิว สวย หน้าใส ภายใน กระชับ ช่วยให้ผนังเส้นเลือดโดยเฉพาะเส้นเลือดดำ (veins) มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความ เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันเบาหวาน ช่วยให้น้ำหนักลดลง ป้องกันความผิดปกติของผิวหนัง ป้องกัน โรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์...” เป็นต้น ทั้งนี้ อย. ได้ตรวจสอบข้อความโฆษณาดังกล่าว ปรากฏว่าไม่ได้รับ อนุญาตโฆษณาจาก อย. แต่อย่างใด ดังนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายในข้อหาโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท โดยได้ดำเนินคดีกับบริษัท สตาร์ ซันไชน์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งรับว่าเป็นผู้จัดทำข้อความโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ พร้อมทั้งมีหนังสือ ไปยังบริษัทฯ เพื่อระงับการโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวในทุกสื่อแล้ว

 ขอให้ผู้บริโภคใช้วิจารณญาณพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน ซื้อผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร ที่สำคัญ อย่าได้หลงเชื่อสรรพคุณว่าสามารถป้องกันหรือรักษาโรค นอกจากเสียเงินโดยไม่จำเป็นแล้ว หากท่านมีโรคประจำตัว อาจได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยคาดไม่ถึงได้ พร้อมทั้ง ขอให้ ผู้ประกอบการทุกรายเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้บริโภค ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม อย่าโฆษณา ด้วยวิธีต่าง ๆ ในลักษณะที่เกินเลยความเป็นจริง มิฉะนั้น อย. จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและ เด็ดขาด หากผู้บริโภคพบเห็นการอวดอ้างสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกินจริง เช่น รักษาได้สารพัดโรค ช่วยใน การลดน้ำหนัก ช่วยเรื่องผิวพรรณ เป็นต้น ผ่านทางสื่อต่างๆ หรือโฆษณาหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อโดยการ ขายตรง ขอให้แจ้งร้องเรียนมายังสายด่วน อย. 1556 หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อทาง ราชการจะได้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


ที่มา ... กองพัฒนาศักยภาพผู้บริโภค

แก้วโป่งขาม กับความเชื่อ


มนุษย์เรามีความเชื่อถือในเรื่องพลังของแก้ว แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
 แก้วโป่งข่ามยังมีคุณในแก้วต่างชนิด จากประสบการณ์ต่างๆตามลักษณะความเชื่อถือที่ ต่างออกไป
โดยมีความเชื่อว่า แก้วเป็นผู้เลือกเจ้าของ ถ้าใครได้ครอบครองถือเป็นผู้มีบุญบารมี
จึงมีการบูชาและมีคาถาเพื่อการบูชา


คาถาบูชาแก้วโป่งข่าม
ข่ามคง, แคล้วคลาด (แก้วทุกชนิด)
นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ

แก้วทุกชนิด
นะอุกะอะ นะมะมะอะ มะอุมะนะ อะนะอะมะ อะอุอุมะ อุนะอุอะ
(เจริญด้วยทรัพย์สมบิติ ปราศจากโรคภัย)

พิรุณแสนห่า(หรือแก้วชนิดอื่น)
พุทโธโมเธยยัง มุตโตโมเจยยัง ติณโณตาเรยยัง ปะสะหังปะตัง

หมอกมุงเมือง(หรือแก้วชนิดอื่น)
เทวะรานะมานะ (ภาวนาให้เกิดความร่มเย็น)

แก้วทราย(หรือแก้วชนิดอื่น)
สะมามิมิทธิมามิ (เจริญด้วยสมบัติ ร่ำรวยเงินทอง)


แก้วโป่งข่ามกับพิธีกรรม
การล้างแก้ว
เชื่อกันว่าการล้างแก้วเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีที่แก้วได้ซึมซับเอาไปจาก ตัวเรา
โดยการนำแก้วไปล้างกับน้ำที่ไหล ซึ่งอาจจะเป็นลำธาร, ก๊อกน้ำ หรือน้ำที่รินออกจากแก้วก็ได้
(ล้างได้บ่อยเท่าที่มีโอกาส)

การขึ้นพานบูชาแก้ว จะกระทำกันในวันพระ โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ)
โดยการนำเอาน้ำสะอาด 1 แก้ว, ดอกไม้หรือเครื่องหอม (น้ำอบ, แป้งหอม ฯลฯ) ใส่พาน
และกำหนดจิตด้วย คาถาบูชาแก้ว (หากเป็น “แก้วเข้าแก้ว” ขอแนะนำให้หาหมากหนึ่งคำใส่พานด้วย)

แก้วอาบแสงจันทร์ การนำแก้วอาบแสงจันทร์ (วันเพ็ญ)
เชื่อกันว่า แก้วจะดูดซับพลังจากแสงจันทร์ ซึ่งจะมีผลทำให้แก้วมีพลังอานุภาพมากยิ่งขึ้น
และยังเป็นการทำให้แก้วนั้นบริสุทธิ์อีกด้วย (เป็นที่ทราบกันดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าดวงจันทร์มีพลังที่ส่งผลกระทบถึงโลก อันเป็นสาเหตุของน้ำขึ้น น้ำลง และอื่น ๆ)

การเข้าร่วมพิธีกรรมอื่น ๆ

เป็นการนำแก้วโป่งข่ามเข้าร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากแก้วจะได้ซึมซับพลังจากการแผ่เมตตาจิตของพระภิกษุ



ทั้งนี้สิ่งต่าง ๆที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นความเชื่อแต่โบราณมา ถ้ามีความเชื่อและศรัทธา
ก็จะเพิ่มพลังอานุภาพแห่งความศักดิ์ของหินศักดิ์สิทธิ์แก้วโป่งขาม
แต่ถ้าไม่มีความเชื่อและศรัทธาแล้ว ก็เหมือนกับหินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้นเอง

คำเตือน โปรดใช้วิจารณญานในการติดสินใจเชื่อหรือศรัทธา

เพชรพญานาค คืออะไรกันแน่

เมื่อเดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปเข้าพบหลวงพ่อท่านหนึ่งมาจาก จังหวัด อุดร
และได้รับเพชรพญานาค มา 3 เม็ด ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยได้ยินชื่อไม่เคยรู้จักมาก่อน
ก็ได้รับคำบอกเล่าจาก ลูกศิษย์ของหลวงพ่อท่านนี้ว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ตอลดจนได้ดูภาพถ่าย
ของการทำพิธี ทำให้ต้องมาศึกษาดู ว่าแท้จริงแล้วเป็นอะไรกันแน่


การแบ่งสีสันของเพชรพญานาคนั้น
สามารถที่จะแบ่งออกได้
3 ประเภทคือ
1. สีอ่อนแต่ใส
2. สีเข้ม
3. สีเข้ม ออกโทนเทาดำจะมีอานุภาพพลังที่แตกต่างกันไปตามสีสันและตามขนาดสัณฐานด้วยยิ่งออกเป็นสีในประเภทที่ 3 ยิ่งมีพลังลึกลับอาถรรพ์เพิ่มมากขึ้น
การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของเพชรนาคา
สามารถแบ่งได้เป็น 7 วรรณะ
1. สีน้ำเงินวรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเลวรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวชผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบขุนพล
5. สีม่วงวรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะกลาง
7. สีเหลือง สีส้ม สีชมพู่วรรณะทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อที่ว่าเพชรพญานาคหรือวัชรธาตุเพชรพญานาค ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ และคุณสมบัติพิเศษในทางรักษาโรคภัยต่างๆได้อีก เช่น
                      สีขาว             รักษาเรื่องหลอดเลือดตีบ ความดัน
               สีน้ำเงิน          รักษาเรื่องไวรัส มะเร็ง แบคที่เรีย
               สีเขียว            รักษาเรื่องปวดเมื่อย เลือดไม่วิ่ง ปรับธาตุ
               สีแดง            รักษาเรื่องตับ เม็ดเลือด
               สีม่วง             รักษาเรื่องมะเร็งลำไส้
               สีเหลือง          รักษาเรื่องแบคทีเรีย ท้องเสีย
               สีฟ้า              รักษาเรื่องไวรัส
จากคำบอกเล่าโดยอ้างอิง :
หลวง พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าเพชรพญานาคเป็นสมบัติของพญานาคและกว่าพญานาคแต่ละองค์ ท่านจะเนรมิตเพชรพญานาคสัณฐานต่างขึ้นมาได้จะบำเพ็ญเพียรบารมีมากว่าช้านาน จะต้องมีฌาณบารมีแก่กล้าจึงจะสามารถเนรมิตเพชรพญานาคอย่างที่เห็นขึ้นมาได้ อย่างเพชรพญานาคที่เป็นองค์กลมๆเม็ดก็มีจากเกล็ดของท่าน ถ้าเป็นพวกอาวุธจะเป็นของหายากเนื่องจากเป็นอาวุธของพญานาคที่ย่อส่วนมาดัง นั้นจะดีเด่นรอบด้านทั้งเสริมบารมีป้องกันตัวอุปถัมค์ค้ำชูวงตระกูล อย่างเพชรพญานาคที่เราเห็นแต่ฃะองค์กว่าพญานาคท่านจะเนรมิตขึ้นมาได้ท่าน ต้องบำเพ็ญบารมีเป็นสิบๆล้านปี 

แต่ปัจจุบันนี้ ได้มีของปลอมออกมาเยอะมาก โดยผลิตที่ประเทศจีน มีขายทั้งแบบอยู่ในหินและแบบที่เป็นลูกแก้ว ทำให้คนทั่วไปที่พบเห็นไม่มีความเชื่อถือคิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวง  
ดังนั้นขอให้มีวิจารณญานในการบูชา ว่าสิ่งที่เราได้มาได้มาอย่างไร เป็นพุทธพาณิชย์หรือเปล่า
หรือได้มาโดยบุญบารมี