วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิธีปลูกต้นไม้แบบคนขี้เกียจ


วิธีปลูกต้นไม้แบบคนขี้เกียจ
ได้เข้าไปอ่านบทความที่ลานสวนป่า โดย คุณสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์
ได้เขียนเรื่องงานที่เหมาะกับคนขี้เกียจ
รู้สึกว่าได้แง่คิดดีๆ จึงได้นำมาเก็บไว้

ขออนุญาต บันทึกไว้เพื่อเป็นแนวทางเพื่อให้เกิดจินตนาการหรือไอเดีย
ในการต่อยอดของคนขี้เกียจด้วยค่ะ

อย่างที่ท่านสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ได้เขียนไว้ที่ลานสวนป่านั้น ถูกใจ
ในแง่ที่ว่า คนขี้เกียจมักจะมองหางานเบาๆ ง่าย ๆ
ที่ไม่ต้องใช้ความขยันมากมากหรือจำเจอะไร
การมองหางานที่เหมาะกับตนเอง
ได้พบได้เห็นสิ่งที่น่าจะนำมาบอกคุณชะลอหลังยาว
บัดนี้มีงานที่เหมาะกับท่านแล้ว
เป็นงานที่ทำอะไรเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลได้ในระยะยาว

อันแรกนั้น คือ
ปลูกต้นไม้บนตอต้นตาล
เอาต้นตาลมาตัดเป็นท่อน ๆ แล้วเจาะเนื้อไม้ตรงกลางให้มีขนาดพอดีกับกระถาง
แล้วเอาดินเอาปุ๋ยใส่ แล้วปลูกต้นไม้ที่ชอบลงไป
ถ้าตอใหญ่ก็ปลูกไม้ยืนต้น
ถ้าตอเล็กปลูกไม้ประดับหรือไม้พุ่มเล็กที่ต้องการ
รดน้ำเดือนละ  2 ครั้งเท่านั้น
จะประหยัดน้ำ ประหยัดเวลา
เหมาะกับคนขี้เกียจจริง ๆ นะ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อไม้ภายในท่อนตาลจะอมน้ำไว้
ทำให้มีความชื้นเพียงพอต่อความต้องการของต้นพืช
เนื่องจากการระบายน้ำได้ช้า
จึงงดรดน้ำบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นพืชจะรากเน่าและเฉาตายในที่สุด
เนื้อไม้ตาลมีอาหารที่สมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง
ดังจะสังเกตเห็นได้จากที่มีเห็ดเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่ออุณหภูมิเหมาะสม
การปลูกต้นไม้ในตอตาลต้องการรดน้ำน้อยมาก ดังนี้

ปีหนึ่งรดน้ำเดือนละ 2 ครั้ง = 24 ครั้ง

หักช่วงฤดูฝนออก 4 เดือน = 8 ครั้ง

เหลือที่ต้องรดน้ำ 8 เดือน = 16 ครั้ง/ปี

: อัตรานี้เท่ากับการใช้โพลิเมอร์

เนื้อไม้ตาลดีกว่าตรงที่ไม่ต้องซื้อสารเก็บความชื้นอื่น มีสารอาหารโดยธรรมชาติ

วิธีที่ 2 เลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย

ปกติเราเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู หมา แมว หรือช้างม้าวัวควาย
จะต้องมีการบริหารจัดการ เช่น สร้างโรงเรือน ระบบน้ำ รางอาหาร เลี้ยงอาหาร ดูแลทุกขั้นตอนฯลฯ
แต่ถ้าเลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย เราเพียงหาโพรงไม้มาปิดหัวท้าย เจาะรูเล็กๆให้พอดีกับตัวผึ้งบินเข้าออก
เอาขี้ผึ้งแท้ใส่ข้างในเพื่อให้มีกลิ่นผึ้ง เอาขอนไม้ที่ว่านี้แขวนไว้ตามต้นไม้ ผึ้งป่าก็จะมาอาศัยอยู่เอง
เราไม่ต้องให้น้ำ ให้อาหาร ถ้าต้องการน้ำผึ้งเพียงเอามาแกะฝากล่องเอาน้ำผึ้งมาบริโภค
หรือถ้าจะทำให้ดูดี ตีกล่อง 4 เหลี่ยมแบบที่เขาเลี้ยงผึ้งพันธุ์ทั่วไป ..
เช้า ๆ ผึ้งจะบินไปหาน้ำหวาน ซึ่งเป็นการช่วยผสมเกสรให้ผลไม้เรา งานนี้จึงเหมาะกับคนขี้เกียจจะพิจารณา


3 เลี้ยงไก่ต๊อก

ไก่ต๊อกเป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ฟ้า จึงมีสัญชาตญาณป่าอยู่มาก
กลางคืนจะบินไปเกาะคอนนอนบนต้นไม้
เช้า ๆ ก็โผลงบินไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเอง เราเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ได้สบายมาก
ช่วงออกไข่ก็จะไปรวมกันหยอดไข่ที่เดียวกองโตเชียวแหละ
คนขี้เกียจไม่ต้องเดินไปหลายที่ เจอรังไข่ที่เดียวก็จบ
การเลี้ยงไก่ต๊อกจะเสียเวลานิดหน่อย ตอนไปเก็บไข่ไก่ต๊อกไปให้แม่ไก่บ้านฟัก
แม่ไก่บ้านก็จะฟูมฟักดูแลลูกไก่ต๊อกให้เรา คนขี้เกียจก็สบาย ๆ ไม่ต้องยุ่งยาก
แต่ถ้าต้องการขยายพันธุ์จำนวนมาก ต้องอาศัยเครื่องฟักช่วย

4 ปลูกพืชผักล้มลุก

พืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย เช่น ชะพลู ดีปลี โสมไทย
ผักโขมจีน ตำลึง กะวานฮ๊อก อ่อมแซบหรือ (เบ็ญจขันธ์)
พืชกลุ่มนี้ขยายพันธุ์ได้ง่ายมาก เอามาปลูกที่รำไร
เด็ดต้นปักยามหน้าฝนหรือเอาเมล็ดมาโปรย
อีกหน่อยก็ออกดอกติดเมล็ด กระเด็นไปตกที่ไหนก็ขยายพันธุ์แพร่หลาย
ยอดอ่อนเด็ดมาใช้เป็นสมุนไพร หรือเด็ดมาผัดกระทะร้อนอร่อยที่สุด
ไม่ต้องให้น้ำ ไม่ต้องให้ปุ๋ย ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง เราก็มีผักสำรองไว้ตลอดปี
ข้อดีอีกอย่างอยู่ตรงที่เป็นพืชคลุมดิน
แทนที่จะให้วัชพืชขึ้นกลับได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ปลูกครั้งเดียว ในฤดูกาลถัดไปก็จะแพร่ลูกแพร่หลานเอง


5 ปลูกผักสวนครัว

มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ไชโยโห่ฮิ้ว..
กลุ่มผักไม้ผักยืนต้นบ้านเรามีนับร้อยชนิด ปลูกไว้ใส่ต้มแกง ให้ร่มเงา ให้ความสดชื่น
ให้้ความสดชื่น พึ่งพาตนเองได้ ควรหาพันธุ์มาจิ้ม ๆ ลงดินครั้งเดียวจบ
ต่อไปสมุนไพรไทยคุณสมบัติคับหม้อเหล่านี้ ก็จะเจริญเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ
ถ้าปลูกใกล้ ๆ กันก็ยังสะดวกในการเก็บมาลงหม้ออีกด้วย

ขอขอบคุณเจ้าของบทความด้วยค่ะ

จากแนวคิดที่อ่านมาคิดว่า การที่คนเราจะทำอะไร ก็ตาม ก็มีความยากลำบากอยู่ด้วยเสมอ
แต่การที่เราจะลงมือทำงานนั้น ๆ ก็ความศึกษาให้ดี ว่า ในเรื่องของการรู้จักตนเอง
ให้ดีและศึกษาในเรื่องที่เราต้องการทำว่า นิสัยอย่างเรานี้จะทำอะไร ก็เลือกให้เหมาะสม
คิดให้เป็น มองให้ออก แล้วงานการที่ทำนั้น ถึงแม้จะทำอย่างคนขี้เกียจ ก็จะสำเร็จได้
ถ้าทำถูกวิธี หรือเหมาะสมกับสภาพความเป็นตัวตนของเรา

เด็กไทย คิดค้นวิธียืดอายุมะเขือเทศ


ยืดอายุมะเขือเทศจากสารธรรมชาติ
จากการทดลองของน้องๆ
นักเรียนโรงเรียนจอมทองในจังหวัดเชียงใหม่
ในเรื่องของปัญหามะเขือเทศเหี่ยวเร็วและเก็บรักษาได้เพียง 4 วัน หลังเก็บเกี่ยว โดยนายภาณุพงศ์ ปัญญาเหล็ก ซึ่งปัจจุบันเป็นนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนจอมทอง จ.เชียงใหม่
จึงได้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนคือ นายพงศธร ต๋าคำดี
และนายศุภวิชญ์ ราชโยธา ได้คิดหาทางแก้ปัญหานี้

     โดยได้คิดที่จะใช้สารจากธรรมชาติมาช่วยเคลือบและยืดอายุ
มะเขือเทศแทนสารจากปิโตรเคมี และพบข้อมูลว่า “เห็ดลาบ”
ซึ่งพบตามโขดหินในที่มีน้ำสะอาดขังในภาคเหนือ
และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสารประเภทน้ำตาล
ชนิดเดียวกับที่ใช้ผลิตพลาสติกใส


จากการทดลองใช้สารที่คั้นจากเปลือกกล้วยน้ำว้าดิบ
และใช้น้ำผึ้งมาทดลองเคลือบผิวมะเขือเทศ 

เพื่อหาว่าวัตถุดิบจากธรรมชาติชนิดใด
ที่จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษามะเขือเทศได้ดีกว่ากัน 

และลองหาสัดส่วนของสารทั้ง 3 ชนิด จนในที่สุดพบว่า 




ใช้สารที่คั้นจากเห็ดลาบ 3 ส่วน
ผสมสารที่คั้นจากเปลือกกล้วยน้ำว้า 1 ส่วน 
จะช่วยยืดอายุมะเขือเทศได้ดีที่สุด
โดยเก็บมะเขือเทศได้นานถึง 10 วัน

       
       ส่วนวิธีการทำสารเคลือบผิวมะเขือเทศนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ
คือ สับเปลือกกล้วยดิบแล้วคั้น เอาแต่น้ำมาผสมกับ
น้ำที่คั้นจากเห็ดลาบ ตามสัดส่วนข้างต้น 

จากนั้นใช้มะเขือเทศจุ่มลงในสารผสมทั้งสองแล้วผึ่งให้แห้ง
จากนั้นจุ่มซ้ำอีกครั้ง 

รวมการจุ่มสารเคลือบทั้งหมด  2 ครั้ง
เมื่อมะเขือเทศแห้งจะมีเกล็ดสีขาวเคลือบตามผิว 

ซึ่งสารที่ว่านี้สามารถล้างออกได้ และไม่เป็นอันตราย

ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบ ผู้จัดการออนไลน์

เพิ่มเติม

เห็ดลาบ

ไม่ได้มีลักษณะเหมือนเห็ดทั่วไปที่เรารู้จักกันดี 

แต่เห็ดลาบคือ

สาหร่ายสีน้ำเงินแกมเขียวชนิดหนึ่ง 


มีชื่อสากลว่า Nostoc ลักษณะเป็นแผ่นวุ้นบาง 


หยุ่นและกรอบคล้ายเห็ดหูหนูสีเขียว 


กระจายอยู่ตามพื้นดินที่มีความชื้น

และเป็นดินเค็ม


วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับดูแลสุขภาพจากแำพทย์จีน

เคล็ดลับดูแลสุขภาพจากแำพทย์จีน
การดูแลสุขภาพประจำวันที่ควรจะทำเป็นประจำ


1. หวีผมบ่อยๆ:
การหวีผมเบาๆ บ่อยจะช่วยทำให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง
(ใช้ใช้หวีซี่ห่าง และแปรงเบาๆ เพื่อกันผมขาดหลุดร่วง) 



2. ถูใบหน้าบ่อยๆ: 
ให้ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ให้มือสะอาดก่อน
หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือ 2 ข้างถู หน้าเบาๆ บ่อยๆ
เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ใบหน้าเปล่งปลั่ง

3. เคลื่อนไหวดวงตาบ่อยๆ:
บริหารสายตาด้วยการให้มองไกล-มองใกล้ มองข้างนอก-ข้างใน
มองบน-มองล่าง หลีกเลี่ยงการมอง หรือจ้อง อะไรนานๆ
โดยเฉพาะคนที่ทำงานคอมพิวเตอร์ควรพักสายตา
ด้วยการมองไกลอย่างน้อยทุกชั่วโมง

4. กระตุ้นใบหูบ่อยๆ:
การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยๆ
จะช่วยบำรุงจุดตานเถียน(จุดฝังเข็ม)
ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ)
ที่มีส่วนสัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู
ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และแก้อาการเวียนหัว 

5. ขบฟันบ่อยๆ:
ขบฟันเบาๆ บ่อยๆ (ไม่ใช่ขบแรงดังกรอดๆ)
จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย
6. ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ:
การใช้ปลายลิ้น กระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม
เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น
ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย
ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย 

7. กลืนน้ำลายบ่อยๆ:
การกลืนน้ำลายบ่อยๆ ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร 

8. หมั่นขับของเสีย:
หมั่นขับของเสียออกจากร่างกาย
โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย และออกกำลังกาย
เพื่อ ป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที
อย่ารอโดยไม่จำเป็น
การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ
และการดูดซึมสารพิษ ( กลับเข้าสู่ร่างกาย) มากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย
9. ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ:
ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น 
 
10. ขมิบก้นบ่อยๆ:
การขมิบก้นบ่อยๆ ช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และแก้ท้องผูก
11. เคลื่อนไหวทุกข้อ:
การอยู่นิ่งๆ หรืออยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป ทำให้เกิดโรคได้ง่าย
ควรเคลื่อน ไหวข้อต่อต่างๆ ให้ครบทุกข้อทุกวัน
ฝึกฝนการใช้กล้ามเนื้อและข้อให้สมดุล เช่น การฝึกชี่กง ไท ้เก้ก โยคะ ฯลฯ
12. ถูผิวหนังบ่อยๆ:
ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำจะช่วยให้ เลือดลมและพลังไหลเวียนดีขึ้น


ภาพประกอบ อินเตอร์เน๊ท  

การดองผักเสี้ยน


การดองผักเสี้ยนเป็นภูมิปัญญาไทย
ในการกำจัดกลิ่นเหม็นเขียวและสารพิษ หลังดองทิ้งไว้ 1-2 วัน
ก็สามารถนำมารับประทานได้
ที่สำคัญยังเป็นการช่วยเพิ่มรสชาติของผักให้อร่อยอีกด้วย

วิธีการดอง
ให้นำเอาผักเสี้ยนเลือกเอาก้านที่มีขนาดอ่อนกินได้ตามจำนวนที่ต้องการ
มาล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำแล้วนำไปคั้นหรือนวดกับเกลือเล็กน้อย
นวดจนน้ำผักเขียวๆ ออก (เพื่อช่วยลดกลิ่นเหม็นเขียว) แล้วบีบเอาน้ำออก


จากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด 1 น้ำ แล้วนำมาคลุกเกลืออีกรอบ
แล้วเติมน้ำข้าว (น้ำข้าว คือน้ำที่ได้จากการหุงข้าวด้วยวิธีเช็ดน้ำ
รองเอาน้ำข้าวไว้ หรืออีกวิธีคือการนำเอาข้าวสวยไปต้มให้เดือด
แล้วรินเอาแต่น้ำมาใช้ สรรพคุณเป็นยาเย็นแก้อักเสบ แก้อาการขัดเบา)
 ใส่พอท่วมหลังมือ คั้นให้เข้ากัน
ส่วนจะใส่เนื้อข้าวที่ต้มนั้นด้วยหรือไม่ก็ได้ตามความชอบ
แต่คุณแม่แนะว่า ถ้าใส่เนื้อข้าวลงไปด้วยจะช่วยเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมอร่อยเพิ่มขึ้น
 แต่ถ้าทำขายตามตลาดจะไม่ใส่ข้าวลงไปด้วย ดองทิ้งไว้ 1-2 วัน


ที่ต้องใช้น้ำข้าวในการดอง
เพราะน้ำข้าวมีสรรพคุณ ถอนพิษสำแดง แก้พิษร้อนใน หรือฆ่าพิษได้

ผักเสี้ยนดองนำไปรับประทานเคียงกับน้ำพริก
หรือแกงส้มปลาทอด ผัดใส่ไข่ แล้วแต่ความชมชอบของแต่ละคน
แต่แน่ใจเลยว่า ผักเสี้ยนปราศจากสารไฮโดรไซยาไนด์แล้วแน่นอน


ที่มา ไทยโพสต์
ภาพประกอบ อินเตอร์เน๊ท

น้ำมันแก้ปวดเมื่อย


ตำรับยารักษาอาการปวดเมื่อย
โดยวิธีหุง ทำน้ำมัน ตามตำรับโบราณ
ใช้สำหรับนวด ยานวดตำรับนี้อาจารย์เนตรดาว ยวงศรี จากกองทุนชีวกโกมารภัจจ์




แนะวิธีการหุงไว้ ดังนี้



ใช้ผักแครอต หรือผักเค็ดเลือกเอาแต่ใบสด
(วัชพืชที่มักขึ้นคู่กับผักเสี้ยนผี หน้าตาคล้ายผักเผ็ดหรือคราดหัวแหวน)
ใช้เพชรสังฆาตสด ดองดึง ผักเสี้ยนผี เลือกเอาแต่ใบสด
นำไปเคี่ยวในน้ำกะทิ (เลือกเอาแต่หัวกะทิ)
เคี่ยวนานประมาณ 6-7 ชั่วโมง
จะได้น้ำมันสีเขียวใส จึงเรียกว่าน้ำมันเขียวมรกต

สรรพคุณดีมาก ใคนสนใจก็ลองไปทำไว้ใช้ดู
และอย่าลืมขอบคุณครูบาอาจารย์เจ้าของสูตรด้วย

ที่มา ไทยโพสต์
ภาพประกอบ อินเตอร์เน๊ท

กินยากับน้ำอะไรดีที่สุด



กินยากับน้ำอะไรดีที่สุด
จะว่าไปแล้วการกินยากับน้ำเปล่า จะดีที่สุด แต่บางครั้งเมื่อเจ็บป่วยก็อยากกินน้ำหวาน
มากกว่าที่จะต้องกินน้ำเปล่าที่มีรสจืดหรือสำหรับบางคนก็อาจจะขมไปก็ได้

ถ้าหากต้องการกินยากับเครื่องดื่มอื่นๆ ก็อาจจะส่งผลต่อร่างกายต่าง ๆ กัน ดังนี้

 
 น้ำส้ม จะไปยับยั้งเอ็นไซม์ และเปลี่ยนแปลงยาบางชนิดที่ร่างกายจะนำไปใช้
ให้ยามีประสิทธิภาพน้อยลง แต่ออกฤทธิ์ข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์มากขึ้น
และน้ำส้มหรือน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด
มีผลที่จะไปทำให้ค่า pH จะเปลี่ยนไป ทำให้ยาบางชนิดเปลี่ยนสภาพ ไม่คงตัวได้

   
ชา กาแฟ
การบริโภคคาเฟอีนเป็นประจำขณะกินยารักษาโรคหอบหืด จะทำให้เกิดผลข้างเคียงมากขึ้น
และคาเฟอีน ทำให้กระเพาะอาหารอาหารระคายเคือง จึงไม่ควรกินยากับกาแฟ
เพราะถ้ายามีผลต่อหลอดเลือดหรือหัวใจ caffeine อาจต้านฤทธิ์หรือเสริมฤทธิ์กับยาได้

   
นม แคลเซียม จะยับยั้งการดูดซึมยาปฏิชีวนะ บางชนิด
* ไม่ควรดื่มนมพร้อมยา เพราะนมมีแคลเซียม ซึ่งมีประจุ ชอบจับกับยาต่างๆ
และนมมีความเป็นด่าง ทำให้ยาเสียไปหรือไม่สามารถดูดซึมเข้าไปในร่างกายได้



   

แอลกอฮอล์ ทำให้ตับเสียหายได้
หากดื่มเป็นประจำร่วมกับ ยาแก้ปวด อะเซตามิโนเฟน
จะลดประสิทธิภาพของยารักษาอาการซึมเศร้า

เครื่องดื่มที่มีเส้นใยพืช
ใยพืชอาจไปจับกับยาได้มากมายหลายชนิด ทำให้ยาเหล่านั้นมีประสิทธิภาพลดลง



** อย่าลืมกินยาตามคำแนะนำที่เภสัชกรเขียนไว้ที่ซองยา ให้ตรงตามเวลา
และครบถ้วนตามที่จัดยามาให้ จะทำให้หายจากการป่วยโดยเร็ว
ยาบางอย่างหากกินผิดเวลา ก็ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือไม่ได้ผลเต็มที่ได้

เช่น การกินยาก่อนอาหาร ก็ต้องกินก่อน 15-30 นาที เพื่อให้ออกฤทธิ์ตอนท้องว่าง
ยาหลังอาหารต้องกินหลังอาหารทันที เพื่อไม่ให้กัดกระเพาะอาหาร เป็นต้น
และเวลากินยา ใช้น้ำเปล่า สะอาดๆ ดีกว่าแน่นอน

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ท

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

สมุนไพรแก้ปวดฟัน


การปวดฟัน ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาจเพราะฟันผุ ฟันคุด เหงือกอักเสบ หรือฟันร้าว ฟันแตก

วิธีบรรเทาอาการปวดฟันในเบื้องต้น
สมุนไพรที่ช่วยทุเลาอาการปวดฟันหาได้ในครัวบ้านเรา ยามฉุกเฉินก็นำมาใช้ได้
สมุนไพรที่ว่านี้ คือ ก้านพลู ที่เป็นเครื่องเทศสำหรับการทำอาหารอินเดีย
สรรพคุณทางยา
ที่ใช้แก้อาการปวดฟันนั้น ใช้แก้ปวดมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่
ช่วยให้เกิดความรู้สึกชาแทนที่อาการปวด

วิธีใช้ คือ
นำกานพลูส่วนดอกตูมแบบแห้งที่ยังมีขั้วดอกติดอยู่ด้วย อมใส่ปากใกล้ๆ กับบริเวณที่ปวด
หรือนำไปตำพอแหลกก่อนผสมกับเหล้าขาวเล็กน้อย นำสำลีมาชุบแล้วจับไปอุดตรงจุดปวด



ลองใช้ก้านพลูช่วยบรรเทาการปวดฟัน ดูสิ แต่ถ้าใช้แล้วยังไม่หาย แนะพบทันตแพทย์จะดีกว่า



ที่มาข้อมูล teenee.com
ที่มารูปภาพ อินเตอร์เน๊ท

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

วิธีอธิฐาน ขอมีโชคลาภ


ความเชื่อว่า การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอโชคลาภมีมาช้านาน
จนต้องอาศัยการบนบานขอลูกจากสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ที่เชื่อว่าได้โชคจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านทรงประทานลงมาให้
เป็นเรื่องยากที่เราจะระบุให้แน่ชัดได้
หรือโชคของใครของมันเราควรเสริมโชคลาภแก้ไขด้วยตนเอง
เช่น ฝึกกรรมฐาน และขอบารมีจากพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแม่กวนอิม พระปิยมหาราช
ให้โชคลาภมาเพื่อสืบทอดพุทธศาสนาเถิด คงจักสมหวังในที่สุด



คำอธิษฐาน สำหรับคนอยากมีโชคลาภ

1.คุณไปขัดห้องน้ำ 7 วัด โดยซื้ออุปกรณ์ขัดห้องน้ำดังนี้

แปรงขัดห้องน้ำ 7 อัน ขันน้ำ 7 ใบ น้ำยาขัดห้องน้ำ 7 ขวด ธูป 16 ดอก เทียน 2 เล่ม อื่นๆ
นำมาวางที่หน้าพระปฏิมา จุดธูป เทียน
อธิษฐาน นะโม….3 จบ

“ข้าพเจ้าชื่อ…………….สกุล…………………ขอบารมีพระรัตนตรัยเป็นสักขีพยาน
ในการที่ข้าพระพุทธเจ้า ได้ทำงานสาธารณะประโยชน์ แก่ของสงฆ์ อานิสงส์ใดที่พึงมีพึงได้
ข้าพเจ้าขออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร จงมารับส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด
ขอโรคภัยต่างๆ จงสลายตัวไปด้วยเถิด และขอโชคลาภให้เกิดกับตัวข้าพเจ้า


2. ให้คุณ ถือศีล 5 เป็นเวลา 7 วัน


3. จากนั้นให้ทรงอารมณ์ ในศีล 5 ให้มีความสม่ำเสมอ


4.ให้อธิษฐาน ขอโชคลาภแก่ท่านผู้มีพระคุณ มีท่านพระอินทร์เป็นต้น ขอให้ได้บุตรดีทั้งทางโลกทางธรรม


อย่างไรก็ตาม สมเด็จโตว่า บุญถ้าเจ้าไม่เคยสร้างไว้ ใครที่ไหนเล่าจะมาช่วยได้
ลูกเอ๋ย ก่อนที่เจ้าจะเที่ยวไปอ้อนวอนขอพึ่งบารมีหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่ง
เจ้าจะต้องมีทุน (บุญ) ของตัวเอง เป็นทุนเดิมติดตัวไปบ้างก่อน
ต่อเมื่อบารมีของตัวเจ้าเองยังไม่พอ จึงขอร้อง
ยืมบารมีของผู้อื่นมาช่วยแล้ว พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ จะสมปรารถนาทุกคนหรือไม่



บทความ อ. ตั้ม ศรีนเรศพยากรณ์

อาการปวดหัวหลังตื่นนอน อันตรายต้องเช็คด่วน!



เวลาที่เราตื่นนอนขึ้นมาแล้วมีอาการปวดหัว
อาการปวดศีรษะที่เริ่มต้นหลังจากที่เราตื่นนอนตอนเช้านั้น
มักบ่งบอกถึงภาวะความดันในกระโหลกศีรษะสูง
ซึ่งถ้ามีละก็อย่าวางใจ เพราะนั่นก็เป็นการเตือนอย่างนึงจากตัวเราเลยละว่า
ร่างกายเริ่มมีปัญหาบางอย่าง
มีข้อมูลเกี่ยวกับอาการปวดหัวหลังตื่นนอนมาบอกให้ทราบ

สำหรับสาเหตุของการตื่นนอนแล้วปวดหัวก็มีอยู่หลายอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับไม่เพียงพอ
การนอนไม่สบายตัว
การใช้หมอนที่ไม่เหมาะกับเรา อาจจะ ต่ำไป สูงไป ซึ่งตรงนี้ก็ต้องรีบแก้ไขกันโดยด่วน
และนอกจากนี้การปวดหัวหลังจากตื่นนอนก็มีสาเหตุมาจาก
กลไกการทำงานของร่างกายด้วย
เพราะช่วงเวลาตีสี่ถึงแปดโมงเช้านั้น
กระบวนการทำงานของร่างกายได้ขับสารระงับความเจ็บปวดที่เรียกว่า เอ็นโดฟิน
สารเอ็นโดฟินนี้จะถูกหลั่งออกมาน้อย โดยที่ สารที่กระตุ้นความดันเลือดและการไหลเวียนเลือด
อย่าง สารอะดรีนาลิน ก็จะหลั่งออกมาในช่วงเช้า จึงเป็นสาเหตุให้ไมเกรนกำเริบได้ง่าย

แต่อย่างไรก็ดี อาการปวดหัวหลังตื่นนอนก็ยังเป็นตัวบ่งบอกโรคร้าย
 เช่น การหยุดหายใจขณะหลับ
มะเร็งในสมอง หรือความดันโลหิตสูง ซึ่งถ้ามีอาการปวดหัวหลังตื่นนอนบ่อยๆ
ก็ต้องรีบไปพบแพทย์โดยทันที
ซึ่งแพทย์ที่จะไปพบนั้นควรไปปรึกษาแพทย์ระบบประสาทโดยเร็ว
 เพื่อสืบค้นสาเหตุที่อาจเป็นอันตรายได้
และเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและตรงกับโรคที่เป็นสาตุ
การตรวจวินิจฉัยที่สำคัญ
ได้แก่ การเอ็กซเรย์สมองด้วยคอมพิวเตอร์หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
การเจาะเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ
และอื่น ๆ ตามแต่โรคที่แพทย์วินิจฉัย

         ถึงแม้ส่วนใหญ่ของโรคปวดศีรษะจะไม่เป็นอันตราย
แต่การรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ
ที่จะทำให้การดำรงชีวิตเป็นปกติสุข การคอยสังเกตสัญญาณอันตรายหรือความผิดปกติ
จะทำให้การวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงทีและส่งผลกระทบกับผู้ป่วยน้อยลงได้

         เรื่องของศีรษะจึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรคอยสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น
เพราะแพทย์จะได้วินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที


ข้อมูลจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ
 แหล่งข้อมูล : นิตยสารชีวจิต
ภาพประกอบ  อินเตอร์เน็ท

ดูแลและรักษา ‘สมอง’ด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงสมอง



อาหารและสิ่งที่เรากินนั้นส่งผลกระทบไปยังความคิด
และพฤติกรรมของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วิตามินที่ช่วยบำรุงสมองนั้นได้แก่ วิตามิน B1 B6 และ B12
ที่จะช่วยดูแลการทำงานของสมอง
นอกจากนี้ วิตามิน B12 ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามิน A เป็นอาหารสมอง
ส่วนวิตามินC และ E ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

สำหรับอาหารที่ควรรับประทานนั้นก็ควรทานให้ครบ 5 หมู่
ซึ่งก็มีทั้ง เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้
โดยเฉพาะช่วงอายุที่ย่างเข้าสู่วัยกลางคนก็ควรเลือกรับประทานเนื้อสัตว์
จำพวกปลามากกว่าเนื้อหมูหรือเนื้อวัวที่ย่อยยาก
จึงเป็นเหตุที่จะทำให้คนเรามีอาการง่วงนอนในช่วงบ่าย
เพราะร่างกายต้องทุ่มเทพลังงานให้กับการย่อยมากเกินไปนั่นเอง

โคเอนไซม์ คิว10 จะช่วยในการรักษาสมดุลในการทำงานของสมอง
สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อสมองนั้น
ได้แก่ เห็ด ถั่ว ข้าวซ้อมมือ ผัก และผลไม้
ส่วนอาหารจังค์ฟู้ด หรืออาหารขยะที่ชาวอเมริกันนิยมกันนั้น
อาจทำให้สมองของคุณด้อยประสิทธิภาพลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น

ได้มีนักวิชาการด้านอาหารของญี่ปุ่นแนะนำไว้ว่า ในหนึ่งวัน
ควรแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 3 ครั้ง ได้แก่ เช้า กลางวัน เย็น
และควรจะรักษาความสมดุลในการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้ดี
เพราะด้วยความเร่งรีบในชีวิตประจำวันทำให้การรับประทานอาหารอาจจะไม่ครบทั้ง 3 มื้อ
เป็นสาเหตุให้สมองไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นร่างกายควรได้รับทั้งสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ

ออกซิเจนนั้นเป็นหนึ่งในอาหารสมองที่สำคัญ แต่หลายๆ คนมักหายใจอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
บางท่านอาจจะงงว่าเราก็หายใจกันอยู่ทุกวินาที ไฉนจึงบอกว่าไม่มีประสิทธิภาพ
แต่อย่าลืมว่าเราเพียงหายใจตามความเคยชินของตัวเองเท่านั้น
ยกตัวอย่าง สาวบางคนติดจะแขม่วหน้าท้องไว้เสมอ ก็จะทำให้หายใจไม่ลึก
แถมมนุษย์ยุคใหม่ยังมีแนวโน้มจะหายใจถี่ สั้น ตามการดำรงชีวิตที่เร่งรีบ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ

เรื่องการฝึกหายใจจึงเป็นเรื่องที่คนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นทุกที
ดังนั้นในทุกเช้าหลังตื่นนอน ควรฝึกหายใจลึกๆ 5-10 ครั้ง ก็นับเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี
ส่วนการนั่งสมาธิก็เป็นการฝึกหายใจได้ดีอีกวิธีหนึ่งเหมือนกัน
ไม่ว่าใครก็อยากมีสมองที่ดี ทำงานให้กับเราอย่างมีประสิทธิภาพและยืนยาวกันทั้งนั้น
ควรมาเริ่มใส่ใจดูแลและรักษา ‘สมอง’ ของเราให้อยู่คู่กับเราไปนานๆ กันดีกว่า


การบริหารสมองก็เป็นอีกทางในการเพิ่มประสิทธิภาพของสมองเหมือนการออกกำลังกายสมอง
ควรจะแบ่งเวลามาบริหารสมองด้วย

นักประดิษฐ์ ได้ประดิษฐ์จักรยานฟอกอากาศ

รถจักรยานฟอกอากาศ

นักปั่นจักรยานชาวอังกฤษคิดประดิษฐ์จักรยานฟอกอากาศได้ เพื่อให้คนจีนในกรุงปักกิ่งที่ประสบปัญหามลพิษในอากาศใช้ เป็นอย่างไร ติดตามในสารคดีโลก
หมอกควันหนาที่ปกคลุมทางภาคตะวันออกของจีนส่งผลให้เที่ยวบินต้องถูกยกเลิก ทั้งยังสร้างปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจจนทางการต้องแจ้งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เนื่องจากระดับมลพิษสูงเกินกว่ามาตรฐาน ชาวอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยในกรุงปักกิ่ง จึงได้คิดประดิษฐ์จักรยานรุ่นพิเศษขึ้น เพื่อให้ประชาชนใช้ขับขี่ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งสภาพอากาศเต็มไปด้วยมลพิษ
แมตต์ โฮพ ประดิษฐ์จักรยานที่มีชื่อว่า Breathing Bicycle ที่สามารถฟอกอากาศให้บริสุทธิ์สำหรับผู้ขับขี่ได้สูดหายใจได้สะดวกขณะปั่นจักรยาน เขาหวังว่าจักรยานคันนี้จะช่วยให้ชาวปักกิ่งที่ต้องซ่อนตัวเองอยู่แต่ในบ้าน หรือสวมหน้ากากป้องกันมลพิษ สามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น.
แนวคิดของจักรยานคันนี้ คือการฟอกอากาศให้สะอาด สำหรับผู้ขับขี่ ไว้ใช้หายใจ โดยเขา ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและไดนาโม ไว้ที่จักรยาน จากนั้นนำเครื่องฟอกอากาศที่เขาติดตั้งไว้ มาติดตั้งเข้ากับหน้ากากนักบิน เมื่อปั้นจักรยานจะเท่ากับช่วยฟอกอากาศบริสุทธิ์ให้เราไว้ใช้หายใจ และยังมีระบบปล่อยประจุไฟฟ้าไว้ดักจับฝุ่นที่เล็ดลอดเข้ามาได้อีกด้วย 
ข่าวจาก-สำนักข่าวไทย

=จะดีมากๆ ถ้าคนที่ขับจักรยานทุกคนหันมาใช้จักรยานฟอกอากาศนี้
อากาศของโลกเราคงจะดีขึ้นมากอีกนิ๊ดนึง

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

กินดอกไม้ก็รักษาโรคได้นะจ๊ะ


ดอกไม้รักษาโรค
ดอกไม้สวย ๆ ที่เห็น นอกจากจะทำให้เราสดชื่น ดูสวยงามแล้วยังมีประโยชน์
ต่อร่างกายในด้านการบำรุงรักษาโรคด้วย ดังนั้นถ้ามีโอกาส ก็นำดอกไม้มาปรุงเป็นอาหาร
หรือเป็นของว่างรับประทานบ้างก็ดีนะคะ

ดอกขจร
มีประโยชน์ในการบำรุงฟัน และกระดูก
มีวิตามินเอบำรุงสายตา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ
แล้วยังช่วยในการเร่งกระบวนการซ่อมแซมบาดแผลให้หายไวขึ้น

ดอกแค
ช่วยในระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูก และยังป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย

ดอกโสน
ช่วยในการแก้ปวดมวนท้อง

ดอกอัญชัน
ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น

หัวปลี 
ช่วยบรรเทาโรคกระเพาะอาหาร
และบำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ลดน้ำตาลในเลือด

กุหลาบ
สรรพคุณทางยา:
     - ดอกกุหลาบ มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ขับน้ำดี
     - ผลกุหลาบ มีวิตามินซีมาก 
รักษาโรคท้องร่วง และการติดเชื้อโดยเฉพาะการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ   ช่วยให้ไตแข็งแรง   วิตามินซีจากผลกุหลาบช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด   บรรเทาอาการปวดศีรษะ ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้นที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ใช้บรรเทาอาการปวดจากโรคข้ออักเสบ 
รูมาตอยด์ 



ยี่สุ่นหรือกุหลาบมอญ
ทำให้จิตใจปลอดโปร่ง ช่วยขับเซลล์ผิวหนังที่ตายออกจากร่างกาย 
ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ฟื้นฟูผิวมีน้ำมีนวลงดงาม 
ช่วยคลายความอ่อนล้า ลดความเครียด
ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
ใช้เป็นยาดื่มบำรุงหัวใจ และลดเบาหวาน
ทำให้เลือดลมเดินสะดวก 
ช่วยแก้อาการช้ำในเนื่องจากหกล้มหรือถูกกระแทกได้อีกด้วย 
ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ถือเป็น ยอดยาอายุวัฒนะสำหรับสตรี
ดอกเข็มแก้อาการตาแดง ตาแฉะ  

ดอกทานตะวัน ช่วยบรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ
ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน  ปวดหัว ปวดฟัน ปวดท้อง
แก้โรคกระเพาะ ปัสสาวะขัด

ดอกบัว
เป็นยาอายุวัฒนะของไทย
แก้ปวดหัว วิงเวียน และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
แก้ไข้ ขับเสมหะ  แก้โรคนอนไม่หลับ

อย่างไรก็ดีการรับประทานสมุนไพรหรืออาหารเป็นยา ต้องกินเป็นประจำและต่อเนื่อง
เพื่อการเห็นผลในการรักษาสุขภาพ


ศัพท์ใหม่วัยรุ่น อินเทรนด์

ในโลกอินเตอร์เนทมักมีคำศัพท์ใหม่ ๆ เกิดมากมาย 
ปีที่แล้วศัพท์ฮิตในหมู่วัยรุ่น
ปี 2012

คือคำว่า จุงเบย  "จุงเบย" เพี้ยนมาจากคำว่า "จังเลย" 
"จุงเบย" เป็นภาษาคัสซาบลังกา แปลว่า จั๊กกะแร้เปียก 
ศัพท์ภาษาสก๊อย ศัพท์เกรียน ๆ ที่แปลว่า จังเลย

ภาษาเขมร 
จุง=ขา ,เบย=สาม จุงเบยเลยแปลว่า สามขา



 ส่วนปีนี้ 2013

คำว่า “บ่องตง” แปลว่า “บอกตรงๆ”